
วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553
....หลักหารและเหตุผล....
ปัจจุบันนี้ทั่วโลกได้ประสบปัญหาต่างๆ มากมายที่คล้ายกัน เช่น ปัญหาด้านการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคม แต่ปัญหาทุกๆปัญหาต่างก็มีทางแก้ไขกันออกไปเสมอ และการแก้ไขปัญหาต่างก็ได้ผล แต่มีอยู่หนึ่งอย่างที่ทั่วโลกไม่สามารถแก้ไขได้ เมื่อยิ่งแก้ไขก็เกิดความทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น คือปัญหาโรคเอดส์ดูจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขมีผู้ป่วยเอดส์ทั้งสิ้น 37,503 ราย มีชีวิตอยู่ 28,680 ราย เสียชีวิต 8,823 ราย เนื่องจากปัจจุบันนี้โรคเอดส์ได้ฆ่าชีวิตผู้คนจำนวนไม่น้อย เพราะโรคเอดส์ไม่มีตัวยารักษา ติดโรคแล้วไม่มีทางหาย และทั่วโลกต่างก็คิดค้นหาตัวยาป้องกันและวัคซีนต่างๆ เพื่อที่จะช่วยรักษาและป้องกันโรคเอดส์มานาน แต่ก็ยังไม่มีตัวยาใดที่จะสามารถป้องกันได้จนถึงปัจจุบันนี้
สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยต่างก็มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นไม่มีแม้แต่แนวโน้มที่จะลดลงแม้แต่น้อย แม้ว่าหน่วยงานของภาครัฐจะให้การสนับสนุนมีความพยายามในการรณรงค์ป้องกัน ในวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันแห่งการรณรงค์โรคเอดส์ของสภากาชาดไทย โดยมีการรณรงค์ป้องกัน กันอย่างต่อเนื่อง แต่จากการประเมินในกรมกองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สถานการณ์ล่าสุดตั้งแต่เดือน กันยายน 2527 ถึง เดือนธันวาคม 2552 พบว่าโรคเอดส์ไม่ได้ลดความรุนแรงลงเลย มีแต่การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อเอดส์มากที่สุดรายใหม่ซึ่งส่วนใหญ่อายุระหว่าง 30-34 ปี และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ มีเด็กจำนวนไม่น้องที่รับเชื้อเอดส์มีการเพิ่มปริมาณมากขึ้นและรวดเร็ว
สถานการณ์โรคเอดส์ในปัจจุบันเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 52ในจังหวัดภูเก็ตมีรายงานผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการและไม่มีอาการ เป็นที่น่าตกใจเพราะมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์มากที่สุดในเอเชีย
สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยต่างก็มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นไม่มีแม้แต่แนวโน้มที่จะลดลงแม้แต่น้อย แม้ว่าหน่วยงานของภาครัฐจะให้การสนับสนุนมีความพยายามในการรณรงค์ป้องกัน ในวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันแห่งการรณรงค์โรคเอดส์ของสภากาชาดไทย โดยมีการรณรงค์ป้องกัน กันอย่างต่อเนื่อง แต่จากการประเมินในกรมกองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สถานการณ์ล่าสุดตั้งแต่เดือน กันยายน 2527 ถึง เดือนธันวาคม 2552 พบว่าโรคเอดส์ไม่ได้ลดความรุนแรงลงเลย มีแต่การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อเอดส์มากที่สุดรายใหม่ซึ่งส่วนใหญ่อายุระหว่าง 30-34 ปี และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ มีเด็กจำนวนไม่น้องที่รับเชื้อเอดส์มีการเพิ่มปริมาณมากขึ้นและรวดเร็ว
สถานการณ์โรคเอดส์ในปัจจุบันเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 52ในจังหวัดภูเก็ตมีรายงานผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการและไม่มีอาการ เป็นที่น่าตกใจเพราะมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์มากที่สุดในเอเชีย
-สถานการณ์โรคเอดส์-
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นพ.พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุข จ.ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์โรคเอดส์ใน จ.ภูเก็ต มีรายงานผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ และผู้ติดเชื้อเอชไอวีจากสถานบริการ ทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ปี 2532 ถึงวันที่ 31 ต.ค.2552 รวมทั้งสิ้น 6,648 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,767 ราย โดยแยกเป็นผู้ป่วยเอดส์ 3,813 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,622 ราย สำหรับกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มวัยทำงานอายุระหว่า 25-39 ปี รองลงมา 25-29 ปี ส่วนอาชีพที่พบว่ามีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดคือ อาชีพรับจ้าง รองลงมาคือ งานบ้าน ว่างงาน พนักงานลูกจ้าง และจากการจัดลำดับผู้ป่วยเอดส์ต่อประชากรแสนคน พบว่า ภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย รองลงมาคือ จังหวัดจันทบุรี และระนอง
สาเหตุที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้ามาอาศัย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายภูมิลำเนาเข้ามา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร ทำให้พบว่าผู้ป่วยในภูเก็ตมีจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและคนจากต่างจังหวัด จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีหญิงและชายขายบริการ สูงกว่า 7,000 คน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเพิ่มความเข้มในการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง.
สาเหตุที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้ามาอาศัย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายภูมิลำเนาเข้ามา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร ทำให้พบว่าผู้ป่วยในภูเก็ตมีจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและคนจากต่างจังหวัด จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีหญิงและชายขายบริการ สูงกว่า 7,000 คน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเพิ่มความเข้มในการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง.
บทวิเคราะห์
ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขของผู้ป่วยเอดส์เฉพาะที่มีการรายงานเข้ากองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และ โรงติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ไม่ได้รายงานหรือแพทย์ยังวินิจฉัยไม่ได้คงมีอีก 2 - 3 เท่าตัว
ตัวเลขของคนที่เป็นโรคเอดส์เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกประเทศทั่วโลก สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมีการติดเชื้อ มักเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจและขาดการป้องกันที่ดีพอ และสภาพทางสิ่งแวดล้อม และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจัยอื่น ๆเช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในการเสพสารเสพติด การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก สำหรับผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นพบว่ามีอุบัติการณ์การเกิดโรคดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น 2-5 เท่า ตัวเลขล่าสุดที่พบตามปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่จากเดือนกันยายน 2527 ถึง 2552 พบมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยที่จำแนกตามปัจจัยเสี่ยงได้รับ 5 อันดับ ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอดส์มากที่สุดคือ อันดับ 1 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะไม่ส้วมถุงยางอนามัย ร้อยละ 79.32 อันดับ 2 ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ ร้อยละ 10.31 อันดับ 3 ไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง ร้อยละ 6.91 อันดับ 4 ติดเชื้อจากมารดา ร้อยละ 3.45 ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่รับเชื้อน้อยที่สุด คือ การรับเลือดจากผู้ติดเชื้อเอดส์ ร้อยละ 0.02
ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ได้จำแนกจากกลุ่มอายุจากเดือนกันยายน 2527 ถึง 255 พบว่า มีผู้ป่วยเอดส์ทั้งสิ้น 37,503 ราย มีชีวิตอยู่ 28,680 ราย เสียชีวิต 8,823 ราย กลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ 30-34 ปี ร้อยละ 22.36 และเด็กอายุ 0-4 ปี ร้อยละ 3.11 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ผู้ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงคิดเป็นอัตราส่วน 2.8 ต่อ 1 กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุดอยู่ในวัยทำงานอายุ 30-34 ปี ร้อยละ 23.50 รองลงมาอายุ 25-29 ปี ร้อยละ 19.80 และอายุ 35-39 ปี ร้อยละ 19.02 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ลูกจ้างในโรงงาน กรรมกร ขับรถรับจ้าง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ทำให้ขาดโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และยังใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ดื่มเหล้า เที่ยวสถานเริงรมย์ และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ตัวเลขของคนที่เป็นโรคเอดส์เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกประเทศทั่วโลก สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมีการติดเชื้อ มักเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจและขาดการป้องกันที่ดีพอ และสภาพทางสิ่งแวดล้อม และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจัยอื่น ๆเช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในการเสพสารเสพติด การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก สำหรับผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นพบว่ามีอุบัติการณ์การเกิดโรคดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น 2-5 เท่า ตัวเลขล่าสุดที่พบตามปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่จากเดือนกันยายน 2527 ถึง 2552 พบมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยที่จำแนกตามปัจจัยเสี่ยงได้รับ 5 อันดับ ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอดส์มากที่สุดคือ อันดับ 1 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะไม่ส้วมถุงยางอนามัย ร้อยละ 79.32 อันดับ 2 ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ ร้อยละ 10.31 อันดับ 3 ไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง ร้อยละ 6.91 อันดับ 4 ติดเชื้อจากมารดา ร้อยละ 3.45 ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่รับเชื้อน้อยที่สุด คือ การรับเลือดจากผู้ติดเชื้อเอดส์ ร้อยละ 0.02
ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ได้จำแนกจากกลุ่มอายุจากเดือนกันยายน 2527 ถึง 255 พบว่า มีผู้ป่วยเอดส์ทั้งสิ้น 37,503 ราย มีชีวิตอยู่ 28,680 ราย เสียชีวิต 8,823 ราย กลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ 30-34 ปี ร้อยละ 22.36 และเด็กอายุ 0-4 ปี ร้อยละ 3.11 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ผู้ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงคิดเป็นอัตราส่วน 2.8 ต่อ 1 กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุดอยู่ในวัยทำงานอายุ 30-34 ปี ร้อยละ 23.50 รองลงมาอายุ 25-29 ปี ร้อยละ 19.80 และอายุ 35-39 ปี ร้อยละ 19.02 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ลูกจ้างในโรงงาน กรรมกร ขับรถรับจ้าง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ทำให้ขาดโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และยังใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ดื่มเหล้า เที่ยวสถานเริงรมย์ และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
จังหวัดที่ติดHIVสูง 10 อันดับแรกพ.ศ.2527ถึงวันที่ 31 ธ.ค.52
รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยเอดส์ และ ผู้ติดเชื้อที่มีอาการในไทยสำนักระบาดวิทยา รายงานล่าสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2552
10 อันดับแรกจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงโรงติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ในประเทศไทยจังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อมากที่สุดคือ
จังหวัด ระนอง 91.40 ต่อประชากรแสนคน อันดับที่สองภูเก็ต 81.64ต่อมาคืออันดับที่ 3 พะเยา 77.52 อันดับ4 คือ ตราด 64.06 เชียงราย 52.88 เป็นอันดับที่ 5 สมุทรปราการ 41.47 อันดับที่ 6 ต่อมาจังหวัดจันทบุรี 40.52 ที่มีค่าร้อยละ แต่ต่างกันจากสมุทรปราการไม่มากนัก และ กรุงเทพ 35.4 เพชรบูรณ์ 30.24 อันดับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อ HIV น้องสุดคือ พระนครศรีอยุธยา 29.05
ตาราง-กราฟ จำแนกปัจจัยเสี่ยงที่มีโอกาสติด HIV

กองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และ โรงติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ตัวเลขล่าสุดที่พบตามปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ตั้งแต่เดือนกันยายน 2527 ถึง 2552 พบมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยที่จำแนกตามปัจจัยเสี่ยงได้รับ 5 อันดับ ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอดส์มากที่สุดคือ
อันดับ 1 สีน้ำเงินที่มีพื้นที่มากที่สุดคือเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะไม่ส้วมถุงยางอนามัย ร้อยละ79.32
อันดับ 2 สีแดงยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อร้อยละ10.31
อันดับ 3 สีเขียวไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง ร้อยละ 6.91
อันดับ 4 สีม่วงติดเชื้อจากมารดา ร้อยละ3.45
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่รับเชื้อน้อยที่สุด คือ สีฟ้าดูจากพื้นที่เป็นพื้นที่ ที่เล็กที่สุดการรับเลือดจากผู้ติดเชื้อเอดส์ ร้อยละ 0.02 มีปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV น้อยที่สุด
ตาราง-กราฟจำแนกจากกลุ่มอายุ
กองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และ โรงติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ต่างๆแทนผู้ติดเชื้อที่ได้จำแนกจากกลุ่มอายุ และปี พ.ศ. จากเดือนกันยายน 2527 ถึง 2552
สีฟ้า ปี 2527-49 พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดอายุระหว่าง 30-34ปี รองลงมา คือ อายุ 25-29 ปี และ พบผู้ป่วยน้อยสุดคืออายุ 10-14 ปี
สีแดง ปี 2550 พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดอายุระหว่าง 30-34ปี รองลงมาอายุระหว่าง 35-39 ปี พบน้องสุดในอายุ 15-19ปี
สีเขียว ปี 2551 พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดอายุระหว่าง 30-34ปี รองลงมาอายุระหว่าง 35-39 ปี พบน้องสุดในอายุ 5-9 ปี
สีม่วง ปี 2552ปีล่าสุด พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดอายุระหว่าง 30-34ปี รองลงมาอายุระหว่าง 35-39 ปี พบน้องสุดในอายุ 5-9 ปี
พบว่า กลุ่มอายุที่รับเชื้อHIVมากที่สุด คือ อายุระหว่าง 30-34 ปี กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุดอยู่ในวัยทำงาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันปีล่าสุดคือ 2552 ยังเป็นอายุระหว่าง 30-34 ปี โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ลูกจ้างในโรงงาน กรรมกร ขับรถรับจ้าง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ทำให้ขาดโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และยังใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ดื่มเหล้า เที่ยวสถานเริงรมย์ และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
สรุป-สถานการณ์โรคเอดส์ในปัจจุบัน
การระบาดของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เชื้อไวรัสได้แพร่ไปหลายประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ประมาณปี 2518 และปัจจุบันนี้อาจจะแพร่ไปทุกประเทศแล้ว การระบาดมีผลกระทบที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการระบาดของโรค เอดส์ ได้แก่ ด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง การระบาดนี้แพร่ไปได้อย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบแม้ในประเทศที่ไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อหรือรายงานผู้ป่วย เอดส์เลย ผลกระทบที่สำคัญได้แก่ การไล่ผู้ติดเชื้อออกจากงาน การไม่ยอมรับสมาชิกที่เป็นผู้ป่วย หรือผู้ติดเชื้อเข้าในครอบครัวหรือชุมชน การไม่ยอมรับเด็กที่ติดเชื้อเข้าศึกษาในโรงเรียน ตลอดจนการออกฎหมายให้มีการตรวจ เอดส์ ก่อนเข้าประเทศ เพื่อสกัดกั้นคนจากประเทศอื่น ที่อาจติดเชื้อเป็นลักษณะการระบาดในประเทศอุตสาหกรรมที่มีรายงานผู้ป่วย เอดส์เป็นจำนวนมาก ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แม็กซิโก แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วนหนึ่งของลาตินอเมริกา และประเทศแถบยุโรปตะวันตก ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นชายรักร่วมเพศ หรือชายรักสองเพศ และติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นพ.พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุข จ.ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์โรคเอดส์ใน จ.ภูเก็ต มีรายงานผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ และผู้ติดเชื้อเอชไอวีจากสถานบริการ ทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ปี 2532 ถึงวันที่ 31 ต.ค.2552 รวมทั้งสิ้น 6,648 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,767 ราย โดยแยกเป็นผู้ป่วยเอดส์ 3,813 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,622 ราย สำหรับกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มวัยทำงานอายุระหว่า 25-39 ปี รองลงมา 25-29 ปี ส่วนอาชีพที่พบว่ามีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดคือ อาชีพรับจ้าง รองลงมาคือ งานบ้าน ว่างงาน พนักงานลูกจ้าง และจากการจัดลำดับผู้ป่วยเอดส์ต่อประชากรแสนคน พบว่า ภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย รองลงมาคือ จังหวัดจันทบุรี และ ระนอง
สาเหตุที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้ามาอาศัย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายภูมิลำเนาเข้ามา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร ทำให้พบว่าผู้ป่วยในภูเก็ตมีจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและคนจากต่างจังหวัด จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีหญิงและชายขายบริการ สูงกว่า 7,000 คน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเพิ่มความเข้มในการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง.
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นพ.พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุข จ.ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์โรคเอดส์ใน จ.ภูเก็ต มีรายงานผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ และผู้ติดเชื้อเอชไอวีจากสถานบริการ ทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ปี 2532 ถึงวันที่ 31 ต.ค.2552 รวมทั้งสิ้น 6,648 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,767 ราย โดยแยกเป็นผู้ป่วยเอดส์ 3,813 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,622 ราย สำหรับกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มวัยทำงานอายุระหว่า 25-39 ปี รองลงมา 25-29 ปี ส่วนอาชีพที่พบว่ามีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดคือ อาชีพรับจ้าง รองลงมาคือ งานบ้าน ว่างงาน พนักงานลูกจ้าง และจากการจัดลำดับผู้ป่วยเอดส์ต่อประชากรแสนคน พบว่า ภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย รองลงมาคือ จังหวัดจันทบุรี และ ระนอง
สาเหตุที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้ามาอาศัย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายภูมิลำเนาเข้ามา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร ทำให้พบว่าผู้ป่วยในภูเก็ตมีจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและคนจากต่างจังหวัด จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีหญิงและชายขายบริการ สูงกว่า 7,000 คน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเพิ่มความเข้มในการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง.
เอดส์ป้องกันได้
วิธีการที่จะช่วยป้องกันและหยุดยั้งการติดเชื้อเอดส์ คือ การปิดกั้นช่องทางการติดต่อโรค และปัจจัยเสี่ยงที่นำสู่โรค ได้แก่
• การไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์หรือป่วยเป็นเอดส์ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้ง
• การไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนไม่ดื่มเหล้าและไม่ใช้สารเสพติด อันจะทำให้ขาดสติในการยับยั้งชั่งใจ และการป้องกันตัวเองจากโรคภัยต่างๆ
• การตรวจเลือดและขอรับบริการปรึกษาเรื่องโรคเอดส์ก่อนแต่งงานและก่อนที่คิดจะมีบุตร
• หลีกเลี่ยงการรับเลือดโดยไม่จำเป็น หากมีความจำเป็น ต้องเป็นเลือดที่ผ่านการทดสอบว่า ปราศจากเชื้อไวรัสเอดส์แล้วเท่านั้น
โรคเอดส์ ไม่ใช่มหันตภัยหน้าใหม่สำหรับโลกวันนี้ แต่ยังคงอานุภาพร้ายแรงเพราะคุกคามระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอายุขัยสั้นกว่าที่ควรและที่สำคัญคือยังไม่มีวัคซีนป้องกันยารักษาให้หายหรือปราการป้องกันด่านสำคัญที่ชะงัดที่สุดก็คือ ความไม่ประมาท มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย แม้กับคนที่รักใคร่ใกล้ชิดที่สุด
• การไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์หรือป่วยเป็นเอดส์ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้ง
• การไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนไม่ดื่มเหล้าและไม่ใช้สารเสพติด อันจะทำให้ขาดสติในการยับยั้งชั่งใจ และการป้องกันตัวเองจากโรคภัยต่างๆ
• การตรวจเลือดและขอรับบริการปรึกษาเรื่องโรคเอดส์ก่อนแต่งงานและก่อนที่คิดจะมีบุตร
• หลีกเลี่ยงการรับเลือดโดยไม่จำเป็น หากมีความจำเป็น ต้องเป็นเลือดที่ผ่านการทดสอบว่า ปราศจากเชื้อไวรัสเอดส์แล้วเท่านั้น
โรคเอดส์ ไม่ใช่มหันตภัยหน้าใหม่สำหรับโลกวันนี้ แต่ยังคงอานุภาพร้ายแรงเพราะคุกคามระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอายุขัยสั้นกว่าที่ควรและที่สำคัญคือยังไม่มีวัคซีนป้องกันยารักษาให้หายหรือปราการป้องกันด่านสำคัญที่ชะงัดที่สุดก็คือ ความไม่ประมาท มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย แม้กับคนที่รักใคร่ใกล้ชิดที่สุด
อ้างอิง
http://krajung.com/portfolio/performance/website/aids/index.htm
http://kpo.moph.go.th/Webkpo/aids/index.htm
http://www.aidsthai.org/
http://203.155.220.217/aids
http://kpo.moph.go.th/Webkpo/aids/index.htm
http://www.aidsthai.org/
http://203.155.220.217/aids
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)













