ตารางเรียน

"AIDS" ไม่น่ากลัว ถ้าป้องกัน

"AIDS" ไม่น่ากลัว  ถ้าป้องกัน

สถานการณ์ " โรคเอดส์ไทย"

ปัจจุบันนี้ทั่วโลกได้ประสบปัญหาต่างๆ มากมายที่คล้ายกัน เช่น ปัญหาด้านการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคม แต่ปัญหาทุกๆปัญหาต่างก็มีทางแก้ไขกันออกไป และการแก้ไขต่างปัญหาก็ได้ผล แต่มีอยู่หนึ่งอย่างที่ทั่วโลกไม่สามารถแก้ไขได้ เมื่อยิ่งแก้ไขก็เกิดความทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น คือปัญหาโรคเอดส์ เนื่องจากปัจจุบันนี้โรคเอดส์ได้ฆ่าชีวิตผู้คนจำนวนไม่น้อย เพราะโรคเอดส์ไม่มีตัวยารักษา ติดโรคแล้วไม่มีทางหาย และทั่วโลกต่างก็คิดค้นหาตัวยาป้องกันและวัคซีนต่างๆ เพื่อที่จะช่วยรักษาและป้องกันโรคเอดส์มานาน แต่ก็ยังไม่มีตัวยาใดที่จะสามารถป้องกันได้จนถึงปัจจุบันนี้

สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยต่างก็มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นไม่มีแม้แต่แนวโน้มที่จะลดลงแม้แต่น้อย แม้ว่าหน่วยงานของภาครัฐจะให้การสนับสนุนมีความพยายามในการรณรงค์ป้องกันในวันที่…….คือเป็นวันเอดส์โลก โดยมีการรณรงค์ป้องกัน กันอย่างต่อเนื่อง แต่จากการประเมินในกรมกองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สถานการณ์ล่าสุดตั้งแต่เดือน กันยายน 2527 ถึง เดือนธันวาคม 2552 พบว่าโรคเอดส์ไม่ได้ลดความรุนแรงลงเลย มีแต่การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อเอดส์มากที่สุดรายใหม่ซึ่งส่วนใหญ่อายุระหว่าง 30-34 ปี และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ มีเด็กจำนวนไม่น้องที่รับเชื้อเอดส์มีการเพิ่มปริมาณมากขึ้นและรวดเร็ว

สถานการณ์โรคเอดส์ในจังหวัดภูเก็ตมีรายงานผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการและไม่มีอาการเป็นที่น่าตกใจเพราะมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์มากที่สุดในเอเชีย

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

บทวิเคราะห์

ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขของผู้ป่วยเอดส์เฉพาะที่มีการรายงานเข้ากองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และ โรงติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ไม่ได้รายงานหรือแพทย์ยังวินิจฉัยไม่ได้คงมีอีก 2 - 3 เท่าตัว

ตัวเลขของคนที่เป็นโรคเอดส์เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกประเทศทั่วโลก สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมีการติดเชื้อ มักเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจและขาดการป้องกันที่ดีพอ และสภาพทางสิ่งแวดล้อม และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจัยอื่น ๆเช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในการเสพสารเสพติด การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก สำหรับผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นพบว่ามีอุบัติการณ์การเกิดโรคดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น 2-5 เท่า ตัวเลขล่าสุดที่พบตามปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่จากเดือนกันยายน 2527 ถึง 2552 พบมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยที่จำแนกตามปัจจัยเสี่ยงได้รับ 5 อันดับ ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอดส์มากที่สุดคือ อันดับ 1 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะไม่ส้วมถุงยางอนามัย ร้อยละ 79.32 อันดับ 2 ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ ร้อยละ 10.31 อันดับ 3 ไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง ร้อยละ 6.91 อันดับ 4 ติดเชื้อจากมารดา ร้อยละ 3.45 ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่รับเชื้อน้อยที่สุด คือ การรับเลือดจากผู้ติดเชื้อเอดส์ ร้อยละ 0.02

ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ได้จำแนกจากกลุ่มอายุจากเดือนกันยายน 2527 ถึง 255 พบว่า มีผู้ป่วยเอดส์ทั้งสิ้น 37,503 ราย มีชีวิตอยู่ 28,680 ราย เสียชีวิต 8,823 ราย กลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ 30-34 ปี ร้อยละ 22.36 และเด็กอายุ 0-4 ปี ร้อยละ 3.11 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ผู้ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงคิดเป็นอัตราส่วน 2.8 ต่อ 1 กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุดอยู่ในวัยทำงานอายุ 30-34 ปี ร้อยละ 23.50 รองลงมาอายุ 25-29 ปี ร้อยละ 19.80 และอายุ 35-39 ปี ร้อยละ 19.02 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ลูกจ้างในโรงงาน กรรมกร ขับรถรับจ้าง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ทำให้ขาดโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และยังใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ดื่มเหล้า เที่ยวสถานเริงรมย์ และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น